หน่วยที่ 10
แนวโน้มในอนาคตเกี่ยวกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศกับการศึกษาหรือการเรียนการสอน
การประยุกต์ทฤษฎีมาใช้ในนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษา
การจัดการเรียนการสอนปัจจุบันได้นำทฤษฎีและหลักการแนวคิดทางเทคโนโลยีการศึกษาในทัศนะต่างๆมาใช้ร่วมกันอย่างผสมผสานเพื่อก่อให้เกิดคุณภาพของการสอนเทคโนโลยีทางการศึกษาการใช้วัสดุอุปกรณ์เข้าช่วยในการจัดการเรียนการสอนได้มีบทบาทอย่างมากในการประยุกต์ใช้ทฤษฎีเพื่อส่งเสริมสนับสนุนการสอน
ให้การจัดการเรียนการสอนบรรลุจุดประสงค์ทำให้เกิดสภาพการณ์ที่มั่นใจได้ว่าจะก่อให้เกิดการเรียนรู้ได้ตามจุดประสงค์ของบทเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ 4 ประการ คือ
1. ให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในการเรียนรู้อย่างแข็งขัน
ด้วยความพึงพอใจและเต็มใจที่จะเรียนรู้
2. ให้ผู้เรียนได้รับข้อมูลย้อนกลับอย่างฉับพลัน
ช่วยกระตุ้นผู้เรียนต้องการจะเรียนรู้ต่อไป
3. ให้ผู้เรียนได้รับการเสริมแรงด้วยการให้ประสบการณ์แห่งความสำเร็จเรียนรู้ด้วยความพอใจ
4. ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้เป็นขั้นตอนทีละน้อย
ไม่เกิดความคับข้องใจ เรียนด้วยความสนใจ พอใจ และไม่เบื่อหน่าย
จากหลักการและแนวคิดข้างต้นจะเห็นว่าการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษาเป็นสิ่งจำเป็นในการจัดการเรียนการสอนในปัจจุบัน
การจัดทำแผนภาพแผนภูมิหาวัสดุอุปกรณ์ประกอบการเรียนการสอนซึ่งไม่เคยใช้มาก่อนเป็นนวัตกรรมทางการศึกษาการจัดให้มีการสร้างจัดหาวัสดุอุปกรณ์ประกอบการสอนเป็นสิ่งจำเป็นในการจัดการเรียนการสอนการจัดให้ครูทำบันทึกการสอนตามลำดับขั้นตอนการสอนของกิจกรรมการเรียนการสอนซึ่งครูไม่เคยทำการบันทึกมาก่อนเป็นนวัตกรรมทางการศึกษาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยสร้างบทเรียนสำเร็จรูปใช้ในการเรียนการสอนอย่างนี้เป็นการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษาขอเสนอแนวดำเนินการการจัดทำบทเรียนสำเร็จรูป
และบทเรียนโปรแกรม เพื่อใช้ในการเรียนการสอน
แนวโน้มของการเปลี่ยนแปลงทางด้านต่าง
ๆ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม
และการเมือง มีผลทำให้มีความเปลี่ยนแปลงของนวัตกรรมและเทคโนโลยีในระยะที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันพบว่าประเด็นที่น่าสนใจที่ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงไปในลักษณะต่าง
ๆ ก่อให้เกิดนวัตกรรมประเภทต่าง ๆ ได้ดัง
แนวโน้มของเทคโนโลยีสารสนเทศในอนาคต
การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศในคริสต์ศตวรรษที่21มีแนวโน้มที่จะพัฒนาคอมพิวเตอร์ให้มีความสามารถใกล้เคียงกับมนุษย์ เช่น
การเข้าภาษาสื่อสารของมนุษย์ โครงข่ายประสาทเทียม ระบบจำลอง ระบบเสมือนจริง
โดยพยายามนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากขึ้นลดข้อผิดพลาดและป้องกันไม่ให้นำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้องหรือผิดกฎหมาย
แนวโน้มใน ด้านบวก
การพัฒนาเครือข่ายคอมพิวเตอร์
โดยเฉพาะเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่เชื่อมโยงกันทั่วโลก
ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ช่องทางการดำเนินธุรกิจ เช่น
การทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การผ่อนคลายด้วยการดูหนัง
ฟังเพลง และบันเทิงต่างๆ เกมออนไลน์
การพัฒนาให้คอมพิวเตอร์สามารถฟังและตอบเป็นภาษา
พูดได้ อ่านตัวอักษรหรือลายมือเขียนได้ การแสดงผลของคอมพิวเตอร์ได้เสมือนจริง
เป็นแบบสามมิติ และการรับรู้ด้วยประสาทสัมผัส เสมือนว่าได้อยู่ในที่นั้นจริง
การพัฒนาระบบสารสนเทศ ฐานข้อมูล
ฐานความรู้ เพื่อพัฒนาระบบผู้เชี่ยวชาญและการจัดการความรู้
การศึกษาตามอัธยาศัยด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์
(e-learning) การเรียนการสอนด้วยระบบโทรศึกษา
(tele-education) การค้นคว้าหาความรู้ได้ตลอด 24 ชั่วโมงจากห้องสมุดเสมือน (virtual library)
การพัฒนาเครือข่ายโทร คมนาคม
ระบบการสื่อสารผ่านเครือข่ายไร้สาย เครือข่ายดาวเทียม ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์
ทำให้สามารถค้นหาตำแหน่งได้อย่างแม่นยำ
การบริหารจัดการภาครัฐสมัยใหม่
โดยการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและเครือข่ายการสื่อสารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการ
ดำเนินการของภาครัฐที่เรียกว่า รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-government) รวมทั้งระบบฐานข้อมูลประชาชน
หรือ e-citizen
แนวโน้มใน ด้านลบ
ความผิดพลาดในการทำงานของระบบ
คอมพิวเตอร์ ทั้งส่วนฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ที่เกิดขึ้นจากการออกแบบและพัฒนา
ทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบและสูญเสียค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหา
การละเมิดลิขสิทธิ์ของทรัพย์สินทางปัญญา
การทำสำเนาและลอกเลียนแบบ
การก่ออาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์
การโจรกรรมข้อมูล การล่วงละเมิด การก่อกวนระบบคอมพิวเตอร์
ระบบปัญญาประดิษฐ์
ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) เป็นการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ให้มีความสามารถในการตอบสนองกับความต้องการของ
มนุษย์ได้ ให้มีพฤติกรรมเลียนแบบมนุษย์ มีความเข้าใจภาษามนุษย์
รับรู้ได้และตอบสนองด้วยการแสดงออกทางพฤติกรรมและภาษามนุษย์
ปัญญาประดิษฐ์
ประกอบด้วยสาขาวิชาต่างๆ ได้แก่
ภาษาธรรมชาติ (Natural
Language)
โครงข่าย ประสาทเทียม (Artificial Neural Network)
ระบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert System)
ศาสตร์ด้านหุ่นยนต์ (Robotics)
ภาษาธรรมชาติ (Natural Language)
ภาษาธรรมชาติกับการประยุกต์ใช้ภาษาไทยบน คอมพิวเตอร์
เป็นนำวิทยาการด้านวิศวกรรมคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีด้านการประมวลผลภาษา
ธรรมชาติมาพัฒนาโปรแกรมประมวลผลภาษาไทยบนคอมพิวเตอร์เพื่อให้ใช้งานได้อย่าง
มีประสิทธิภาพ ประกอบด้วย การประมวลผลตัวอักษร (Character) คำ (Word) ข้อความ (Text) ภาพ (Image) และความรู้ด้านภาษาศาสตร์ (Linguistics)
โครงข่ายประสาทเทียม (Artificial Neural
Network) การสร้างคอมพิวเตอร์ที่จำลองเอาวิธีการทำงานของสมองมนุษย์
หรือทำให้คอมพิวเตอร์รู้จักคิดและจดจำในแนวเดียวกับโครงข่ายประสาทของมนุษย์
เพื่อช่วยให้คอมพิวเตอร์ฟังภาษามนุษย์ได้เข้าใจ อ่านออก และรู้จำได้ ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็น
สมองกล
เทคโนโลยีการสื่อสาร ทุกที่ ทุกเวลา
ยูบิควิตัสเทคโนโลยี (Ubiquitous
technology) สังคมยูบิควิตัส (Ubiquitous society) หรือ ยูบิคอมบ์ (Ubicomp) เป็นทำให้เกิดสภาพแวดล้อมของการสื่อสารใหม่และเป็นแนวโน้มของสังคมสารสนเทศ
ยูบิควิตัส เป็นภาษาลาติน มีความหมายว่า อยู่ในทุกแห่ง หรือ มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง
มาร์ค ไวเซอร์ (Mark Weiser) แห่งศูนย์วิจัย Palo
Alto ของบริษัท Xerox ประเทศสหรัฐอเมริกา
ได้ให้คำนิยาม "ยูบิควิตัสคอมพิวติง" ไว้ว่า
เราสามารถเข้าถึงคอมพิวเตอร์ได้ทุกหนทุกแห่ง-สภาพแวดล้อมที่สามารถใช้
คอมพิวเตอร์เชื่อมต่อกับเครือข่าย ไม่ว่าจะอยู่ในที่แห่งใด
จุดเด่นของยูบิควิตัส ได้แก่
การเชื่อมต่อกับเครือข่ายไม่ว่าผู้ใช้งาน
จะเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ต่างๆ
การ
สร้างสภาพการใช้งานโดยผู้ใช้ไม่รู้สึกว่ากำลังใช้คอมพิวเตอร์อยู่
การให้บริการที่สามารถเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ทั้ง
สถานที่ อุปกรณ์ ปัจจัยทางกายภาพอื่นๆ
เทคโนโลยีสารสนเทศ
กับการศึกษา
เทคโนโลยีสารสนเทศที่ใช้กับการศึกษาได้แก่
สื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอน หรือ CAI (Computer Aided Instruction) เทคโนโลยีการสื่อสารที่ก้าวหน้าขึ้นทำให้รูปการเรียนที่จำกัดด้วยชั้นเรียน
ขนาดเล็กกลายเป็นการเรียนด้วยระบบการสื่อสารทางไกลหรือโทรศึกษา (tele-education) เพื่อขยายโอกาสทางการศึกษาและแก้ปัญหาการขาดแคลนอาจารย์ผู้สอน
ต่อมาเมื่ออินเทอร์เน็ตได้พัฒนาอย่างรวดเร็วและได้รับความนิยมมากขึ้นจึงได้
พัฒนาเป็น การเรียนการสอนผ่านเว็บเพจ WBI (Web Based Instruction) หรือ WBL (Web Based Learning) และได้มีการพัฒนาปรับปรุงเป็นสื่อการเรียนการสอนแบบ e-Learning
(Electronics Learning)
e-Learning คือ
การนำเอาเทคโนโลยีเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเข้ามาช่วยในการเรียนการสอน
การถ่ายทอดความรู้ การอบรม การ
Virtual Library Virtual Library หรือห้องสมุดเสมือน
เป็นรูปแบบการให้บริการอีกช่องทางหนึ่งของห้องสมุดในปัจจุบัน
โดยให้บริการผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ผู้ใช้บริการสามารถสืบค้นข้อมูลและเข้าถึงข้อมูลที่มีอยู่ในห้องสมุดเสมือน ได้
ข้อมูลที่ให้บริการจะอยู่ในรูปของข้อมูลดิจิทัล ทำให้เปิดโอกาสในการเรียนรู้
เป็นแหล่งการเรียนรู้ตลอดเวลา สามารถเข้าสู่ข้อมูลที่ให้บริการได้จากทุกแห่ง
บริการของ Virtual Library ได้แก่
บริการสืบค้นข้อมูลรายการทรัพยากรสารสนเทศ (Online Public Access
Catalog-OPAC) บริการฐานข้อมูลออนไลน์
บริการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ บริการสื่ออิเล็กทรอนิกส์
บริการแนะนำสารสนเทศที่น่าสนใจ
นาโนเทคโนโลยี อาณาจักรจิ๋ว
นวัตกรรมแห่งอนาคต
นาโทเทคโนโลยี กำลังเข้ามามีบทบาทอย่างยิ่งกับชีวิตประจำวันของเราและเป็นที่กล่าวขานกัน
อย่างมากในขณะนี้ คำว่า "นาโน (nano)"แปลว่า 1 ในพันล้านส่วน เช่น นาโนวินาที เท่ากับ 10ยกกำลัง-9 หรือ 0.000000001วินาที 1 นาโนเมตร เท่ากับ 1/1,000,000,000 เมตร หรือ0.000000001 เมตร
นาโนเทคโนโลยี คือ
การทำให้โครงสร้างพื้นฐานของโมเลกุลขนาดระดับ 1 ถึง 100 นาโนเมตร กลายเป็นวัสดุหรืออุปกรณ์นาโนที่มีประโยชน์ สามารถนำมาใช้สอยได้
ซึ่งต้องอาศัยคุณสมบัติทางฟิสิกส์ เคมี และชีววิทยา
ของระบบที่อยู่กึ่งกลางระหว่างอะตอม โมเลกุล กับวัตถุขนาดใหญ่
และสามารถควบคุมคุณสมบัติทั้งหลายได้
ตัวอย่างของความก้าวหน้าด้านนาโนเทคโนโลยี
วัสดุ ฉลาด (Smart materials)
ตัวรับรู้ หรือเซ็นเซอร์ (Sensors)
โครงสร้างชีวภาพขนาดนาโน (Nanoscale Biostructures)
คอมพิวเตอร์แบบควอนตัม
คอมพิวเตอร์ดีเอ็นเอ
รัฐบาล
อิเล็กทรอนิกส์
รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government) คือ วิธีการบริหารจัดการภาครัฐสมัยใหม่
โดยการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและเครื่อข่ายสื่อสารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการ
ดำเนินการของภาครัฐ ปรับปรุงการให้บริการแก่ประชาชน
บริการข้อมูลและสารสนเทศเพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
ทำให้ประชาชนได้รับการบริการจากภาครัฐที่ดีขึ้น มีความใกล้ชิดกับภาครัฐมากขึ้น
อีกทั้งทำให้ประเทศมีความสามารถในการแข่งขันกับนานาประเทศได้ดีขึ้นด้วย
ที่มารัฐบาล
อิเล็กทรอนิกส์ของไทย โครงการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์
ดำเนินการโดยดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อมุ่งให้เห็นผลเป็นรูปธรรมในระยะ 2 ปี ดังนี้
1.การให้บริการต่อสาธารณะ โดยจะผลักดันเพื่อให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการ
การ ให้บริการข้อมูลที่ดี มีมาตรฐาน
และคุณภาพแก่สาธารณะ อันได้แก่ ประชาชน ภาคธุรกิจ และ ภาครัฐ
การให้
บริการที่ดีผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่เป็น 4 ท. คือ ที่เดียว ทันใด ทั่วไทย ทุกเวลา
2.การบริหารจัดการของรัฐ
การ
บริหารจัดการด้านการเงินระหว่างภาครัฐและภาคธุรกิจ
การจัดซื้อจัดจ้างผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่รวด
เร็ว โปร่งใส ยุติธรรม
การ บริหารข้อมูลและทรัพยากรภาครัฐ
3.การติดต่อสื่อสาร
และประสานงานระหว่างหน่วยงานของรัฐ
ภายในและระหว่าง
กระทรวง
ระหว่างส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค
และองค์กรส่วนท้องถิ่น
ตัวอย่างของรัฐบาล
อิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย
การติดตามแกะรอยคนร้าย ปัจจุบันมี 3 ระบบงานที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์
คือ (1) ระบบฐานข้อมูลประวัติอาชญากร หรือ CDOS
(Criminals Database Operating System) (2) ระบบตรวจสอบลายพิมพ์นิ้วมืออัตโนมัติ
หรือ AFIS (Automated Fingerprint Identification System) และ (3) ระบบคอมพิวเตอร์ประกอบภาพใบหน้าคนร้าย
หรือ PICASSO (police Identikit: Computer Assisted Suspect Sketching
Outfit)
ระบบสารสนเทศสำหรับงานประปา
บริการเบ็ดเสร็จภายในคราวเดียว คือ จดมาตรจำนวนการใช้น้ำ พิมพ์ใบแจ้งหนี้
และส่งให้ลูกค้าได้ทันที โดยใช้เวลาทั้งสิ้นไม่เกิน 10 นาที ผู้ใช้บริการสามารถนำใบแจ้งหนี้ไปชำระเงินที่สาขาของการประปานครหลวง
หรือที่ทำการไปรษณีย์ หรือที่ Counter Service หรือชำระผ่านอินเทอร์เน็ตด้วยบัตรเครดิต
การยื่นแบบแสดงและชำระภาษีผ่านทางอินเทอร์เน็ต
เข้าสู่ระบบได้ที่ www.rd.go.th มีบริการ 2 แบบ คือ 1. การบริการแบบฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมโปรแกรมคำนวณภาษีเงินได้ และ 2. การยื่นแบบทางอินเทอร์เน็ต
จัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
การประมูลแบบออนไลน์ผ่านอินเทอร์เน็ต
เว็บไวต์ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ คือwww.gprocurement.go.th หรือเว็บไซต์ของหน่วยงานที่จัดประมูล
ระบบฐานข้อมูลเพื่อการบริการสาธารณะผ่านอิน
เทอร์เน็ต บริการด้านงานทะเบียนราษฎรผ่านทางอินเทอร์เน็ตทางเว็บไซต์ www.dopa.go.th และ www.khonthai.com ของสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง
เทคโนโลยีข้อมูลและการสื่อสารแบบใหม่
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีข้อมูลและการสื่อสารแบบใหม่
(ICT) จะยังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
อินเตอร์เนตจึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยปฏิวัติวิธีที่จะสื่อสารความรู้
ผ่านอีเมลล์ สื่อสังคมออนไลน์ ทำให้ความรู้ในสาขาวิชาต่างๆ
สื่อสารได้ในอาณาบริเวณที่กว้างขึ้น วารสารวิชาการอิเล็กทรอนิกส์จะสามารถเผยแพร่ได้ในทุกมุมของโลก
จนทำให้ความรู้กลายเป็นทรัพยากรที่เคลื่อนที่ได้ผ่านระบบอินเตอร์เนต
และไม่ได้ติดอยู่กับสถานศึกษาและท้องถิ่นอีกต่อไป
ทำให้การศึกษาในระดับอุดมศึกษาทำงาน ประสานงาน แลกเปลี่ยนความรู้ กิจกรรม
ได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เกิดเครือข่ายการเรียนรู้ในประเด็นเฉพาะต่างๆ
มากยิ่งขึ้น
ความเข้มข้นของเนื้อหาสาระแต่ละประเด็นจะถูกตีความจากความร่วมมือของเครือข่าย
และก่อให้เกิดสถาบันในท้องถิ่นต่างๆ ที่จะทำงานเป็นเครือข่ายมากขึ้น
แต่อย่างไรก็ตามกระบวนการเหล่านี้
ต้องการทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟท์แวร์ การช่วยเหลือด้านเทคนิค การฝึกอบรม
และการอัพเกรดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแม้ว่าแนวโน้มราคาในการเข้าถึงจะต่ำลงเรื่อยๆ
แต่ในปัจจุบัน ก็ยังมีราคาในภาพรวมสูง
ซึ่งจะส่งผลต่อบางประเทศและสถาบันการศึกษาที่ขาดความสามารถในการเข้าถึงเทคโนโลยี
เช่น อินเตอร์เนตพื้นฐาน ความเร็วอินเตอร์เนต
ก็จะทำให้ความสามารถในการแข่งขันน้อยลง ในทางกลับกัน
ประเทศที่มีปัจจัยด้านเทคโนโลยี ICT ที่เอื้อก็จะช่วยยกระดับความสามารถการแข่งขันมากขึ้นด้วย
การก่อตัวของเครือข่ายความรู้ระดับนานาชาติ
จากกระแสความเปลี่ยนแปลงในยุคโลกาภิวัฒน์และความก้าวหน้าทาง ICT ทำให้การตอบสนองจากความต้องการของตลาดโลกหลังยุคอุตสาหกรรม
เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางของอุตสาหกรรมการบริการและเศรษฐกิจฐานความรู้
ภาครัฐในหลายประเทศจึงให้ความสำคัญในเรื่องของการลงทุนด้านการศึกษา
ประกอบการเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการด้านการศึกษา
พร้อมทั้งปรับนโยบายเรื่องวีซ่า
หลักเกณท์เข้าประเทศที่จะช่วยชักจูงนักศึกษาเข้าสู่สถาบันและประเทศ
ซึ่งประเทศก็ได้ประโยชน์จากการเข้ามาของนักศึกษา ทำให้นักศึกษา
ผู้ปกครองกลายสภาพเป็นลูกค้า เกิดการแข่งขันของสถาบันการศึกษาและมหาวิทยาลัยที่สูงขึ้น
แต่ละสถาบันจึงต้องพยายามสร้างความเป็นนานาชาติให้กับมหาวิทยาลัยและสถาบัน
โดยการสร้างโครงการพิเศษและหลักสูตรต่างๆ เพื่อตอบสนองการต้องการ
ซึ่งจะเห็นได้ชัดจากแนวโน้มของการเคลื่อนที่ของนักศึกษา โดยปัจจุบันมีนักศึกษามากกว่า 2.5 ล้านคนที่กำลังเรียนอยู่นอกประเทศบ้านเกิดและคาดว่าน่าจะเพิ่มขึ้นถึง 7 ล้านคนในปี2020 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาจากเอเชียที่เข้าสู่มหาวิทยาลัยและสถาบันชั้นนำของอเมริกาเหนือ
ยุโรป และ ออสเตเรียที่มีชื่อเสียง
นอกจากนี้
มหาวิทยาลัยและสถาบันเหล่านี้ พยายามที่จะสร้างเครือข่าย แฟรนไชส์
และความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำต่างๆ
ของโลกเพื่อยกระดับมาตรฐานของมหาวิทยาลัยให้เป็นที่ต้องการของท้องถิ่นในภูมิภาคต่างๆ
ผ่านรับรองการศึกษาและวุฒิปริญญา ทำให้เกิดหลักสูตรใหม่ๆ ในท้องถิ่น
และนำมาชึ่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของทั้งความรู้และบุคลากรทางการศึกษาอย่าง
อาจารย์ที่เดินทางอย่างเสรีมากขึ้น หรือทำผ่านเครือข่ายและเทคโนโลยีสมัยใหม่
ซึ่งในเรื่องเครือข่ายความรู้ก็ไม่ได้จำกัดวงอยู่ในภาคการศึกษาเท่านั้น
ความร่วมมือด้านวิชาการก็เริ่มเกิดจากความต้องการของภาคอุตสาหกรรมธุรกิจที่เข้ามามีบทบาทในการสร้างแรงงานที่มีทักษะตามที่ต้องการ
เช่น กรณีที่ภาคธุรกิจด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สร้างความร่วมมือในการผลิตบัณทิตด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้มีมากขึ้น
และตรงความต้องการ เพราะสัดส่วนของผู้เรียนในระดับมหาวิทยาลัยด้าน
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งมีความต้องการมากขึ้นในตลาดโลก
เพราะมีผลทางตรงกับการพัฒนาเศรษฐกิจ ในหลายพื้นที่ขาดนักศึกษาด้านนี้ (เช่น จีนมีนักศึกษาสายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 37 % เกาหลี 39 % สิงคโปร์ 31 อินโด 26 ญี่ปุ่น 23 % ส่วนไทย 19 %)
แต่อย่างไรก็ตาม
ในอีกด้านของความร่วมมือระดับโลกนั้น
ภายในแต่ละภูมิภาคก็พยายามที่จะสร้างบทบาทนำด้านการศึกษา ตัวอย่างที่น่าสนใจ คือ
กาตาร์ สิงค์โปร์ และสหรัฐอาหรับเอมมิเรตท์
ภาครัฐและมหาวิทยาลัยมีนโยบายและเป้าหมายที่ชัดเจนในการเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค (Hubs) ด้านการศึกษา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น